วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ด่วน!!! พบช่องโหว่ใหม่ใน Windows 7

ไมโครซอฟท์ (Microsoft) กำลังตรวจสอบรายงานแจ้งช่องโหว่ที่พบในส่วนอินเตอร์เฟซของ Windows 7 โดยข้อมูลที่มีการเปิดเผยจากทางบริษัท ช่องโหว่ดังกล่าวจะถูกเชื่อมโยงเข้ากับชอร์ทคัต (shortcut) ที่ทำให้เกิดการตีความของคำสั่งไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ทำให้ระบบปฏิบัติการอนุญาตให้รันโค้ดอันตรายได้
พื้นที่โฆษณา

"สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ปิด (disabled) การทำงานของคำสั่ง AutoPlay แล้ว ลูกค้าจะโดนเล่นงานผ่านช่องโหว่ดังกล่าวก็ต่อเมื่อสืบค้น (browse) เข้าไปยังโฟลเดอร์ราก (root folder) ของไดรฟ์ยูเอสบี หรือฮาร์ดดิสก์แบบใช้ภายนอก ช่องโหว่ของระบบจึงจะทำงานได้ ซึ่งปกติ ฟังก์ชัน AutoPlay ของ Windows 7 สำหรับอุปกรณ์สตอเรจที่ต่อทางพอร์ตยูเอสบี (USB devices) จะถูกปิดการทำงานโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว" แม้จะฟังดูเหมือนพีซีที่ใช้ Windows 7 จะปลอดภัย เนื่องจากชอร์ทคัตอันตรายไม่ถูกเรียกทันทีที่เสียบอุปกรณ์ยูเอสบีด้วยคำสั่ง AutoPlay แต่ Graham Cluley นักวิจัยจาก Sophos บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยเตือนว่า การโจมตีสามารถเริ่มต้นได้โดยอัตโนมัติผ่านทาง Windows Explorer แม้จะปิดการทำงานของฟังก์ชัน AutoRun และ AutoPlay แล้วก็ตาม

"โอกาส ที่ผู้ใช้ Windows 7 จะถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ดังกล่าวเป็นไปได้มากยิ่งขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ ผ่านมา เมื่อแฮคเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า Ivanlef0u ได้เผยแพร่ชุดคำสั่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว (proof-of-concept code) ออกไปบนเน็ต ประเด็นที่น่ากังวลก็คือ แฮคเกอร์ที่ไม่หวังดีคนอื่นๆ อาจกำลังพยายามใช้ช่องโหว่ดังกล่าวก็ได้" Cluley โพสต์ไว้ในบล็อกของ Sophos "ในอดีตเราพบหนอนไวรัส (ตัวอย่าง Conficker ที่ดังมาก) สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านทางอุปกรณ์ยูเอสบี ทำให้หลายๆ บริษัทต้องสั่งให้ฝ่ายไอที disable การทำงานของคำสั่ง AutoPlay ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องเสียงมาก หากเกิดมัลแวร์ที่ใช้ช่องโหว่ที่พบในขณะนี้ ซึ่งยังไม่มีแพตช์ออกมาแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด" อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ยันยันว่า ช่องโหว่ที่ตรวจสอบอยู่นี้มีโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ในการแพร่กระจายมัลแวร์ หรือรูทคิทผ่านทางอุปกรณ์ยูเอสบีได้

ข้อมูลจาก: Channelweb

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

จอบส์รับปัญหา iPhone 4 แจกซองฟรี!!!

รายงานข่าวล่าสุด สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ออกแถลงขอโทษ และยอมรับในความผิดพลาดสำหรับปัญหาทีเกิดขึ้นกับ iPhone 4 ในขณะเดียวกันก็พยายามอธิบายข้อเท็จจริงของปัญหาอีกครั้ง พร้อมทั้งเสนอให้ฟรีซองกันกระแทก (Bumper Case) ใส่ iPhone 4 ให้กับลูกค้าฟรี!!!

ในที่สุด สตีฟ จอบส์ ซีอีโอของแอปเปิ้ลก็ออกมาอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นกับ iPhone 4 พร้อมทั้งขอโทษ และให้ฟรีซองใส่กันกระแทก โดยในการออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ จอบส์ได้นำเสนอพร้อมกับสไลด์ และสถิติ จอบส์ยังคงพยายามชี้ให้สื่อมวลชน และผู้สนใจเห็นว่า ปัญหาสัญญาณจากเสาอากาศหด (Antennagate) บน iPhone 4 เป็นเรื่องเล็กน้อย ซึ่งมีผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นกับมือถือแทบทุกเครื่อง และประเด็นหนึ่งที่จอบส์มักจะกล่าวถึงก็คือ เจ้าของ iPhone 4 ส่วนใหญ่ไม่ได้บ่นเรื่องนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม แอปเปิ้ลจะให้ซองป้องกันฟรีสำหรับเจ้าของ iPhone 4 ที่ต้องการ ซึ่งข้อเสนอนี้ หมายถึงการที่ Apple อาจจะต้องควักเงินสูงถึง 178 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของรายได้ทั้งปี) แต่หากเทียบกับการเรียกคืน (recall) iPhone 4 ทังหมด ทางบริษัทอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญฯ (ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว

ในการแก้ต่างสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับ iPhone 4 จอบส์กล่าวว่า มีเพียง 2% ของผู้ซื้อที่ขอคืน iPhone 4 หรือคิดเป็นหนึ่งในสามของไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงกรณีปัญหาสายหลุดด้วย (iPhone 4 มีปัญหาสายหลุดน้อยกว่ารุ่นก่อน?) จอบส์ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาสายหลุดสัญญาณขาดหายของ iPhone 4 ยังเกิดขึ้นเป็นส่วนน้อยมาก โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับมาจาก AT&T ผู้ให้บริการเครือข่ายรายเดียวของแเอปเปิ้ล

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การแถลงข่าวเมื่อวานนี้มีการพูดถึงน้อยมากสำหรับปัญหาเกี่ยวกับเสาอากาศที่ แสดลงสัญญาณลดลง หรือหายไปเมื่อผู้ใช้ถือมันด้วยวิธีปกติ ก่อนหน้านี้ แอปเปิ้ลแนะนำผู้ใช้ให้หลีกเลี่ยงวิธีถือ iPhone 4 ด้วยวิธีดังกล่าว หลังจากนั้นอ้างว่าเป็นข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ที่แสดงผลสัญญาณแรงกว่าความ เป็นจริง เรื่องราวของปัญหาดังกล่าวถูกยกระดับความรุนแรงขึ้นไปอีก เมื่อสัปดาห์นี้ นิตยสาร Consumer Reports กล่าวว่า ไม่แนะนำให้ใช้ iPhone เนื่องจากมีข้อผิดพลาดในเรื่องของการออกแบบของเสาอากาศ และเมื่อวานนี้อีกเช่นกันทีทางนิตยสารออกมาบอกว่า แอปเปิ้ลควรให้ซองฟรีกับผู้บริโภคจะเป็นการดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหานี้ใน ขั้นต้น

นักวิเคราะห์มองว่า การนำเสนอที่ตรงไปตรงมาของจอบส์จะทำให้บริษัทยังคงได้รับการยอมรับจากสื่อ มวลชน และผู้บริโภค "เขาทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว" Tim Bajarin ประธานบริษัทวิจัยเทคโนโลยี Creative Strategies Inc. "เขาอธิบายทีมาที่ไปของปัญหา และให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา" จอบส์ยอมรับว่า วิศวกรของบริษัทไม่ได้ทำผิดในเรื่องนี้ "เราเป็นมนุษย์ปถุชน และเราก็ทำผิดได้ในบางครั้ง" จอบส์ กล่าว "เราไม่ได้รู้ในทุกสิ่่ง แต่เราพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด และเราดูแลลูกค้าของเราทุกคน ลูกค้าบางรายมีปัญหากับ iPhone 4 และ ผมต้องขอโทษพวกเขาด้วย..."

ใน รายละเอียดของการให้ซองฟรี จอบส์กล่าวว่า ทางบริษัทจะให้ซอง Bumper Case กับผู้ที่ซื้อ iPhone 4 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน และลูกค้าคนใดที่ซื้อซองกับ Apple ไปแล้ว ก็สามารถขอเงินคืนได้ โดยทางบริษัทยังคงมีแผนที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างถาวรต่อไป "เราได้ยินผู้คนมากมายบอกว่า ทำไมไม่แจกซองกับทุกคนไปเลยล่ะ?" จอบส์กล่าว "ตกลง ได้เลย เราจะให้ซองกับทุกคน" นอกจากนี้ จอบส์ยังย้ำถึงการแก้ปัญหาแสดงแท่งสัญญาณผิดด้วยการแนะให้อัพเกรดเป็น iOS 4.0.1 ด้วย อย่างไรก็ดี ในการนำเสนอพรีเซนเทชั่นบางส่วนของจอบส์ มีการแสดงให้เห็นว่า สมาร์ทโฟนของเจ้าอื่นๆ ก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันได้ โดยจอบส์กล่าวว่า เราสามารถพบวิดีโอสาธิตผลกระทบทีคล้ายกันกับมือถือจาก HTC, Samsung และ BlackBerry ได้มากมายบนอินเทอร์เน็ต

ข้อมูล จาก: inquirer

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Sony NEX-VG10 แฮนดี้แคมเปลี่ยนเลนส์ได้

หลังจากที่โซนี่ (Sony) เปิดตัว NEX-5 และ NEX-3 กล้องถ่ายรูปดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์แบบกล้อง DSLR จนผู้ทดลองใช้ที่ได้มีโอกาสทดลองสัมผัส หรือเป็นเจ้าของกล้องรุ่นนี้ในงาน COMMART X'Gen 2010 ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เล็กแต่เยี่ยมมาก ล่าสุดทาง Sony เดินเกมส์รุกต่อความสำเร็จด้วยการออก Handycam NEX-VG10 กล้องถ่ายวิดีโอแบบแฮนดี้แคมที่มาพร้อมกับ E-mount สามารถเปลี่ยน"เลนส์"ได้...ว้าว!!!

ข้อมูลจาก Sony ระบุว่า NEX-VG10 เป็นกล้องแฮนดี้แคมที่บันทึกวิดีโอคุณภาพระดับ Full-HD โดยเป็นการรวมตัวของเทคโนโลยี DSLR กับกล้องบันทึกวิดีโอขนาดเล็ก ซึ่งจะว่าไปมันคือคอนเซปต์ในสายผลิตภัณฑ์ NEX นั่นเอง ดังนั้นคุณสมบัติหลายๆ อย่างใน NEX-VG10 จะคล้ายกับกล้องถ่ายรูปดิจิตอลที่ออกมาก่อนหน้านี้ อย่างเช่น เซ็นเซอร์รับภาพขนาด ASP-C ความละเอียด 14.2 ล้านพิกเซล (เหมือนใน NEX-5) นั่นหมายความว่า NEX-VG10 สามารถบันทึกภาพนิ่งที่ความละเอียด 14.2 ล้านพิกเซล และบันทึกวิดีโอไฮเดฟฯ 1080p (1,920 x 1,080 พิกเซล) ตัวแฮนดี้แคมสามารถใช้ A-mount และเลนส์แบรนด์อื่นๆ กับ LA-E1 หรืออะแดปเตอร์ของผู้ผลิตรายอื่นๆ ได้ด้วย

และผลจากการที่มันสามารถใช้ เลนส์คุณภาพทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รับภาพที่ใหญ่กว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพยนต์ที่ใช้เอฟเฟกต์ชัดลึก หรือชัดตื้นได้ แถมยังสามารถถ่ายวิดีโอในมุมมองใหม่ๆ ผ่าน LCD 3 นิ้วที่หมุนได้รอบทิศ หรือวิวไฟน์เดอร์ (viewfinder) อิเล็กทรอนิกส์ที่หมุนได้รอบแกน VG10 สนับสนุนการใช้การ์ดหน่วยความจำ Memory Stick และ SD/SDHC นอกจากนีั้ตัวแฮนดี้แคมยังมาพร้อมกับไมโครโฟนสเตอริโอ ซึ่ง Sony เรียกว่า Quad Capsule Array Stereo Microphone สามารถรับเสียงที่มาจากทิศทางต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเสียงที่เข้ายังไมค์จะผ่านอัลกอริธึมประมวลผล เพื่อให้ได้เสียงที่ชัดเจนที่สุด Sony Handycam NEX-VG10 จะมาพร้อมกับเลนส์ซูม 18-200mm F3.5-6.3 OSS วางตลาดในประเทศแถบเอเซียแปซิฟิกช่วงเดือนสิงหาคมศกนี้ที่สนนราคา 1,999 เหรียญฯ (ประมาณ 65,000 บาท)

ข้อมูล จาก: ubergizmo

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผู้ใช้เกือบ 50% เลือก Win 7 รุ่น 64 บิท

นับเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วที่โพรเซสเซอร์ 64 บิทอุบัติบนโลกใบนี้ และ 5 ปีแล้วที่เรามีระบบปฏิบัติการ Windows XP x64 วางตลาด แต่ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ประโยชน์จาก 64 บิทกลับไม่ค่อยได้พบเห็นเท่าที่ควร ส่วนใหญ่ยังคงยึดติดอยู่กับ 32 บิท ข้อเท็จจริงที่ควรทราบก็คือ แม้แต่ Vista เองก็ยังมีการใช้เวอร์ชัน 64 บิทแค่ 11% เท่านั้น

สำหรับเหตุผลที่ทำให้สถาปัตยกรรม และการใช้คอมพิวเตอร์ที่ 64 บิทไม่เกิดในช่วงที่ผ่านมาก็คือ มันขาดซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการใช้งานนั่นเอง โดยเฉพาะโปรแกรมยอดนิยมส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำงานในสภาพแวดล้อม 64 บิทได้อีกด้วย ส่วนเหตุผลอื่นๆ ก็จะมีเรื่องของการอัพเกรดที่ผู้ใช้พีซีต้องการความเร็วในการอัพเกรดมากกว่า ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ทางเลือกจึงยังเป็น 32 บิท แต่ล่าสุด ไมโครซอฟท์รายงานเมื่อเดือนมิถุนายนทีผ่านมาว่า 46% ของผู้ใช้ Windows 7 ทั่วโลกเลือกใช้เวอร์ชัน 64 บิท

สถาปัตยกรรม 64 บิทจะมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัย และการทำงานในระบบสเมือน (virtualization) ที่เหนือกว่า 32 บิทมาก แต่ดูเหมือนเรื่องความสามารถในการมองเห็นหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด ระบบที่เป็น 32 บิทจะสามารถใช้หน่วยความจำได้ไม่เกิน 4GB ในขณะที่ Windows 7 เวอร์ชัน 64 บิทจะสามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงถึง 192GB แน่นอนว่า มันยังคงมีปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดอื่นๆ อยู่ด้วย อย่างเช่น ราคา และความจุสูงสุดของหน่วยความจำ แต่ด้วยความต้องการใช้ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความต้องการหน่วยความจำมากขึ้น ประกอบกับการใช้งานแบบมัลติทาสกิง ความต้องการหน่วยความจำจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นไปโดยปริยาย

หากแจกแจง ในรายละเอียด คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 x64 ส่วนใหญ่จะเป็น OEMs โดยข้อมูลจาก Stephen Baker ได้ทำสำรวจร้านค้าปลีกพีซีในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังพบอีกด้วยว่า เครื่องส่วนใหญ่ที่วางจำหน่าย 77% มาพร้อมกับ Windows 7 x64 อีกทั้งในกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจต่างก็มีแนวโน้มที่จะขยับไปใช้ สถาปัตยกรรม 64 บิทอีกด้วย โดยคาดว่าในปี 2014 การใช้ Windows 7 x64 จะเพิ่มขึ้นเป็น 77% โลกกำลังใกล้เข้่าสู่ยุคของการประมวลผลที่ 64 บิทเต็มตัวแล้ว

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตะลึง!!! UFO โผล่ในจีนจนต้องปิดสนามบิน

สนาบินในจีนต้องปิดทำการหลังจากพบเห็นวัตถุลึกลับลักษณะเป็นจุดสว่าง เคลื่อนที่เป็นแนวโค้งด้วยความเร็วสูงบนเหนือน่านฟ้ามณฑลเจ้อเจี้ยงเมืองหัง โจว ยานบินลึกลับ หรือ UFO ที่ปรากฎขึ้นมาให้เห็นบนท้องฟ้าจะมีลักษณะเป็นแสงสีขาวสว่างวาบดูน่าสะพรึง กลัว โดยเมื่อเคลื่อนที่ผ่านไปแล้วแสงสีขาวจะยังทอดเป็นหางยาว

สนาม บินเสี่ยวเซินถูกสั่งปิดหลังจากมีการตรวจพบ UFO ช่วงประมาณสามทุ่มตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้ต้องมีการเปลี่ยนเส้นทางหลายเที่ยวบิน แสงสว่างลึกลับมีขนาดใหญ่ขึ้น และเคลื่อนที่กวาดแสงเป็นวงกว้างบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ซึ่งปลุกให้ประชาชนในเมืองต้องตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็น พยานผู้เห็นเหตุกาณ์รายงานว่า มันดูคล้ายดาวหางที่มีลักษณะเหมือนลูกไฟในท้องฟ้า แถมยังถ่ายรูปไว้ได้ด้วย

พนักงาน ขับรถประจำทางเล่าว่า ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นวัตถุลึกลับที่มีขนาดใหญ่บนท้องฟ้าช่วงบ่ายวันพุธ "วัตถุที่เห็นเคลื่อนทีเร็วมากจนดูเหมือนมันกำลังหนีบางสิ่งบางอย่าง" สำหรับเที่ยวบินขาเข้าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปลงสนามบินใกล้เคียงในขณะที่เที่ยว บินขาออกเลื่อนเวลาออกไป 3 - 4 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญในจีนอ้างว่า สิ่งที่เห็นแท้จริงแล้วเป็นจรวดมิสไซล์ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนประกาศในภายหลังว่า พวกเขาทราบดีว่าวัตถุที่เห็นบนท้องฟ้านั้นคืออะไร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากมันเป็นเรื่องของกองทัพฯ สำหรับการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการคงต้องติดตามกันต่อไป

ข้อมูลจาก: gizmodo